ตำนานผ้าไหมไทยที่โลกต้องจดจำ: จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Jim Thompson

หากคุณเคยเดินผ่านร้านผ้าไหมสุดหรูในสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า แล้วเห็นโลโก้ตัวอักษรเรียบง่ายว่า “Jim Thompson” คุณอาจเคยคิดว่ามันเป็นแบรนด์ต่างชาติที่นำเข้าผ้าไทยมาแปะแบรนด์ขายแพงๆ… แต่นี่คือเรื่องจริงที่น่าทึ่งกว่านั้นมาก

เพราะ Jim Thompson ไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่คือ “คนจริง” ที่มีชีวิตโลดโผนอย่างกับหนังสายลับ และคือชายที่พลิกฟื้นผ้าไหมไทยจากของพื้นบ้านในชนบท ให้กลายเป็นแฟชั่นระดับโลกที่ถูกนำเสนอผ่านนิตยสาร Vogue

เรื่องราวนี้ เริ่มต้นที่ชายคนหนึ่ง ผู้มีชื่อเต็มว่า James Harrison Wilson Thompson ชาวอเมริกันที่เกิดในปี พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) ในรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา เขาเติบโตในครอบครัวดี เข้าศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ปอล และจบจากมหาวิทยาลัย Princeton มีอนาคตสดใสรออยู่ตรงหน้า

แต่ใครจะรู้ว่า เส้นทางชีวิตของเขาจะพาเขามาสู่ดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลายเป็นตำนานของผ้าไหมไทยในเวลาต่อมา

credit photo : www.thairath.co.th

เมื่อสายลับตกหลุมรักดินแดนแห่งรอยยิ้ม

ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) Jim ถูกส่งตัวมาประจำการในกรุงเทพฯ ในฐานะเจ้าหน้าที่สำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์ของกองทัพสหรัฐ (Office of Strategic Services หรือ OSS – บรรพบุรุษของ CIA ในยุคปัจจุบัน)

หน้าที่ของเขาคือการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ และภารกิจลับในการต่อต้านญี่ปุ่น เขาได้เห็นประเทศไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ ทั้งความสวยงามแบบธรรมชาติ วิถีชีวิตเรียบง่าย และวัฒนธรรมที่แปลกใหม่จนเขาตกหลุมรักเข้าอย่างจัง

หลังสงครามสงบ Jim ตัดสินใจ “ไม่กลับบ้าน” แต่ขอลาออกจากกองทัพ และตั้งรกรากอยู่ในกรุงเทพฯ กลายเป็นชาวต่างชาติที่อินกับเมืองไทยแบบสุดหัวใจ

จุดเริ่มต้นของการปั้นตำนาน: จากโรงแรมสู่โลกของผ้าไหม

หลังเกษียณจากงานราชการ เขาเริ่มต้นทำธุรกิจโดยร่วมลงทุนกับเพื่อนๆ ซื้อกิจการของโรงแรม The Oriental ซึ่งในยุคนั้นยังเป็นโรงแรมเล็กๆ ที่ไม่ได้โดดเด่นนัก แต่ Jim มองเห็นศักยภาพ และตั้งใจจะทำให้โรงแรมแห่งนี้กลายเป็นระดับโลก ซึ่งต่อมา The Oriental กลายเป็นหนึ่งในโรงแรมที่หรูหราที่สุดของเอเชีย

ในช่วงที่ Jim เดินทางไปตามต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อน เขาได้ไปยังภาคอีสาน และที่นั่นเอง เขาได้ค้นพบ “ขุมทรัพย์” ที่ซ่อนอยู่ในวิถีชีวิตพื้นบ้าน…นั่นคือ ผ้าไหมทอมือของชาวบ้าน

เขาตื่นเต้นกับลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ความละเอียดของการทอ และสีสันสดใสที่ไม่เหมือนใคร Jim มองเห็นโอกาส และเชื่อว่าผ้าไหมไทยสามารถกลายเป็นสินค้าแฟชั่นระดับโลกได้ ถ้าเพียงแค่มีใครสักคนทำให้มัน “ถูกมองเห็น” ในระดับสากล

จากหมู่บ้านเล็กๆ สู่แฟชั่นนิวยอร์ก

Jim ไม่รอช้า เขาเริ่มซื้อผ้าไหมจากช่างทอในชุมชน นำไปปรับปรุงคุณภาพ และออกแบบลวดลายให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งจัดแสดงผ้าไหมไทยในงานโชว์และนิทรรศการที่อเมริกา

สิ่งที่ทำให้ Jim Thompson แตกต่างจากนักธุรกิจทั่วไปคือ “เขารู้จักคน” และรู้จักสร้างเครือข่ายในวงการแฟชั่น

เขานำผ้าไหมไปเสนอให้กับ Frank Crowninshield บรรณาธิการของ Vanity Fair และได้พบกับ Edna Woolman Chase แห่ง Vogue จนในที่สุด นักออกแบบชื่อดัง Valentina ก็นำผ้าไหมของ Jim ไปใช้ในผลงานแฟชั่น และกลายเป็นบทความใน Vogue ที่ทำให้ผ้าไหมไทยกลายเป็นของ “ต้องมี” ในแวดวงดีไซน์เนอร์นิวยอร์ก

ความลึกลับ…ที่กลายเป็นตำนาน

ธุรกิจของ Jim เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในปี พ.ศ. 2493 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Thai Silk Company Ltd. ซึ่งภายหลังกลายเป็นแบรนด์ Jim Thompson ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

แต่แล้ว ในปี พ.ศ. 2510 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม…

Jim Thompson หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างเดินทางพักผ่อนที่คาเมรอนไฮแลนด์ ประเทศมาเลเซีย โดยไม่มีหลักฐานว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็ว่าเขาถูกลักพาตัว บ้างว่าเขาหนีหายจากชีวิตธุรกิจ หรือแม้แต่ทฤษฎีว่าถูก CIA ปิดปาก…จนวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร

แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือ “ตำนาน” และ “มรดกทางวัฒนธรรม” ที่เขาทิ้งไว้ให้ชาวไทยและโลกได้ชื่นชม

Jim Thompson ไม่ใช่แค่ผ้าไหม แต่คือไลฟ์สไตล์

จากแบรนด์ที่เคยขายแค่ผ้าไหม วันนี้ Jim Thompson ขยายไลน์สินค้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าพันคอ ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และแม้กระทั่งไลฟ์สไตล์มอลล์ชื่อว่า Jim Thompson Heritage Quarter ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ

คุณจะพบกับคอลเลกชันเสื้อเชิ้ตชาย เสื้อยืดแฟชั่น ชุดเดรสผ้าไหม ผ้าม่านลายโบราณ ไปจนถึงหมอนพิมพ์ลายบ้านไทยแบบดั้งเดิม ทุกชิ้นถูกออกแบบให้ผสานความเป็นไทยดั้งเดิม กับดีไซน์สมัยใหม่แบบมีรสนิยม

แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน Jim Thompson ก็ยังไม่หยุดสร้างสรรค์ นอกจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ชื่นชอบผ้าไหมแล้ว แบรนด์ยังพยายามเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ด้วยการเปิดตัวสินค้าร่วมกับดีไซเนอร์สมัยใหม่ การออกแบบลวดลายใหม่ๆ ที่มีความร่วมสมัย และแม้กระทั่งการร่วมมือกับโครงการอสังหาฯ เช่น CULTURE CHULA เพื่อเป็นไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร

สิ่งที่ Jim Thompson ทำ ไม่ใช่แค่ขายผ้าไหม แต่เขาสร้างระบบสนับสนุนชุมชนทอผ้าแบบยั่งยืน เขาช่วยอนุรักษ์ความรู้เก่าแก่ของการทอผ้า สร้างงานให้กับช่างทอชาวบ้าน และเปลี่ยนภาพลักษณ์ผ้าไหมไทยให้กลายเป็น “ความหรูหราที่มีเรื่องเล่า”

ในวันนี้ Jim Thompson ไม่ใช่แค่ชื่อของชายคนหนึ่ง แต่เป็นสัญลักษณ์ของงานหัตถกรรมที่มีชีวิต มีจิตวิญญาณ และสะท้อนวัฒนธรรมไทยในแบบที่ร่วมสมัยและจับต้องได้

และแม้เขาจะหายตัวไปแบบไม่มีคำอธิบาย…สิ่งที่เขาทิ้งไว้ กลับยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหายไปจากใจใครได้ง่ายๆ

reference : https://www.ananda.co.th/blog/thegenc/jim-thompson/

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟชั่น ได้ที่นี่ Fashion

ชุดผ้าไหมแฟชั่น สวยแบบไทย ใส่ได้ทุกโอกาส